๑.
๏ลมหนาวพัดโชยเข้ามา
หัวใจข้านี้หงอยเหงา
คิดถึงแล้วพลางโศรกเศร้า
ชีวิตเราต้องแสนอดทน
๒.
๏ความฝันยังอยู่ห่างไกล
ทุกวันต้องใฝ่ฝึกฝน
ชีวิตลำเค็ญเหลือล้น
ต้องทนกล้ำกลืนทำงาน
๓.
๏คล้ายเรานั้นเป็นเพียงผู้
ตั้งอยู่ในวัฏสงสาร
นับวันผ่านพ้นยาวนาน
สังขารค่อยๆเสื่อมไป
๔.
๏อยากให้ความฝันเป็นจริง
ทุกสิ่งเป็นดั่งใจหมาย
ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากกาย
เรียงรายด้วยรักและยินดี
๕.
๏พี่น้องก็ให้สุขสม
รักกันเกลียวกลมสุขี
พ่อแม่อายุมั่นขวัญดี
ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน
๖.
๏ส่งท้ายคนไทยชื่นบาน
ยึดมั่นพระธรรมคำสอน
เส้นสายชั่วร้ายให้ขาดตอน
ขอพรให้ไทยเจริญเทอญ.....ฯ
วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
คนไม่จริงใจ
๏มีทุกข์ชวนทุกข์ร่วม แรมปี
มีสุขห่างหลีกหนี เบือนหน้า
มีลาภคอยต่อตี ปัดป้อง
ควรเลี่ยงดังท่านว่า อย่าได้เชื่อใจ
มีสุขห่างหลีกหนี เบือนหน้า
มีลาภคอยต่อตี ปัดป้อง
ควรเลี่ยงดังท่านว่า อย่าได้เชื่อใจ
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สอง...
๑.
๏นาฬิกาหนึ่งสุดแสน เที่ยงตรง
บอกเวลาทุ่มโมง เที่ยงมั่น
หนึ่งนาฬิกาบ่ตรง เคียงข้าง
บ่รู้กาลไหนนั้น เที่ยงแท้แน่นอน
๒.
๏หนึ่งคนชี้ทาง สว่างใส
จักไปที่หนใด บ่ยั่น
สองคนพาสงสัย มืดมน
เลือกบ่ถูกถึงขั้น จักต้องหยุดเดิน
๓.
๏หนึ่งคนคงรักมั่น ยืนยง
รักยืนนานมั่นคง ชั่วฟ้า
สองคนทำใจหลง นอกลู่
รักนั้นแลเห็นว่า ยากหวังในรัก
ขอบคุณ น้องพอ ที่จุดประกายความคิด
๏นาฬิกาหนึ่งสุดแสน เที่ยงตรง
บอกเวลาทุ่มโมง เที่ยงมั่น
หนึ่งนาฬิกาบ่ตรง เคียงข้าง
บ่รู้กาลไหนนั้น เที่ยงแท้แน่นอน
๒.
๏หนึ่งคนชี้ทาง สว่างใส
จักไปที่หนใด บ่ยั่น
สองคนพาสงสัย มืดมน
เลือกบ่ถูกถึงขั้น จักต้องหยุดเดิน
๓.
๏หนึ่งคนคงรักมั่น ยืนยง
รักยืนนานมั่นคง ชั่วฟ้า
สองคนทำใจหลง นอกลู่
รักนั้นแลเห็นว่า ยากหวังในรัก
ขอบคุณ น้องพอ ที่จุดประกายความคิด
วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ตื่น
๏ฉันตื่นมาบนโลกที่โหดร้าย
โลกกว้างใหญ่ใครใครหมายยื้อแย่ง
ฉันต่อสู้เสียจนสิ้นเรี่ยวแรง
ดุจวิ่งแข่งในลู่ไร้เส้นชัย
โลกกว้างใหญ่ใครใครหมายยื้อแย่ง
ฉันต่อสู้เสียจนสิ้นเรี่ยวแรง
ดุจวิ่งแข่งในลู่ไร้เส้นชัย
วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552
อนิจจัง
๏ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
ไร้สิ่งใดจีรัง คู่ฟ้า
พลัดพรากย่อมทุกขัง เศร้าโศก
สรรพสิ่งมีสิ้นล้า ห่อนได้ยืนนาน
แด่ แบตเตอรี่ที่พังไป...
ไร้สิ่งใดจีรัง คู่ฟ้า
พลัดพรากย่อมทุกขัง เศร้าโศก
สรรพสิ่งมีสิ้นล้า ห่อนได้ยืนนาน
แด่ แบตเตอรี่ที่พังไป...
วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552
ดวงไฟ กิ่งไม้ ทางสองแพร่ง
๏ในค่ำคืนดึกดื่นแสนมืดมิด
ฉันเดินติดดวงไฟอยู่ลูกหนึ่ง
ใช้แสงไฟส่องทางสว่างจึง
เดินไปถึงทางข้้างหน้าได้สบาย
๏ดวงไฟบอกกับฉันว่าเดินมานาน
ผ่านถนนหนทางร้อยเส้นสาย
เดินตามฉันรับรองว่าสบาย
ถึงที่หมายไม่อยากหากตามมา
๏ฉันเดินตามดวงไฟมาแสนนาน
ได้พบพานทางสองแพร่งแปลกนักหนา
แพร่งหนึ่งนั้นดวงไฟบอก"ตามฉันมา"
แต่แพร่งสองที่กลับน่าเดินเข้าไป
๏ฉันหลงไหลหนทางในแพร่งสอง
ดวงไฟมองฉันเข้าไปไม่สั่นไหว
บอกฉันว่าทางนั้นไม่เคยไป
กลัวบรรลัยถ้าส่องทางให้ฉันเดิน
๏ฉันเดินเตะเศษกิ่งไม้ได้หนึ่งก้าน
ในรอบด้านมีความมืดยากเดินเหิน
ใช้ไม้ปัดคลำทางค่อยค่อยเดิน
คงไม่เกินกว่ากำลังหวังในใจ
๏เดินมาได้ช่วงหนึ่งฉันอ่อนล้า
ไม่รู้ว่าจุดหมายไกลแค่ไหน
มือตวัดเศษกิ่งไม้ค่อยเดินไป
สู่เส้นชัยหวังเห็นแสงที่ปลายทาง...
ฉันเดินติดดวงไฟอยู่ลูกหนึ่ง
ใช้แสงไฟส่องทางสว่างจึง
เดินไปถึงทางข้้างหน้าได้สบาย
๏ดวงไฟบอกกับฉันว่าเดินมานาน
ผ่านถนนหนทางร้อยเส้นสาย
เดินตามฉันรับรองว่าสบาย
ถึงที่หมายไม่อยากหากตามมา
๏ฉันเดินตามดวงไฟมาแสนนาน
ได้พบพานทางสองแพร่งแปลกนักหนา
แพร่งหนึ่งนั้นดวงไฟบอก"ตามฉันมา"
แต่แพร่งสองที่กลับน่าเดินเข้าไป
๏ฉันหลงไหลหนทางในแพร่งสอง
ดวงไฟมองฉันเข้าไปไม่สั่นไหว
บอกฉันว่าทางนั้นไม่เคยไป
กลัวบรรลัยถ้าส่องทางให้ฉันเดิน
๏ฉันเดินเตะเศษกิ่งไม้ได้หนึ่งก้าน
ในรอบด้านมีความมืดยากเดินเหิน
ใช้ไม้ปัดคลำทางค่อยค่อยเดิน
คงไม่เกินกว่ากำลังหวังในใจ
๏เดินมาได้ช่วงหนึ่งฉันอ่อนล้า
ไม่รู้ว่าจุดหมายไกลแค่ไหน
มือตวัดเศษกิ่งไม้ค่อยเดินไป
สู่เส้นชัยหวังเห็นแสงที่ปลายทาง...
วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552
สัมพันธ์
๏สิบวัน สัมพันธ์ชิด เคียงใกล้
สิบเดือน เหมือนเพื่อนใจ แน่นแฟ้น
สิบปี บ่ร้างไกล มิตรแท้
เสี้ยววิหนึ่งคิดแค้น ขาดสิ้นสัมพันธ์
สิบเดือน เหมือนเพื่อนใจ แน่นแฟ้น
สิบปี บ่ร้างไกล มิตรแท้
เสี้ยววิหนึ่งคิดแค้น ขาดสิ้นสัมพันธ์
วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552
กลียุค
๏ดั่งเปลวเพลิงเปลวฟ้าอุกาบาต
สายฟ้าฟาดลงมาจากห้วงเวหา
ซัดกระหน่ำลงสู่พื้นพสุธา
ผลาญวิญญาทุกสิ่งดิ้นสิ้นชีวี
๏ดั่งหุบไฟบรรลัยกัลป์ที่ผลาญโลก
วิปโยคคลืนคลั่งมิอาจหนี
ทั้งสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในไพรี
ต่างริกรี้วิ่งหนีกันพัลวัน
๏ดั่งมหาเทพยุทธเข้าถาโถม
เข้าประโคมกลองศึกให้หุนหัน
ส่งข้าศึกสวมเขาเข้าโรมรัน
ชิงฆ่ามันก่อนข้าตายไร้ศักดา
๏นี่แหละคือตัวอย่างกลียุค
ไร้ความสุขให้เฝ้าแสวงหา
เมื่อคนชั่วทำชั่วเป็นจรรยา
ไม่นานหนากลียุคมุ่งมาเยือน
สายฟ้าฟาดลงมาจากห้วงเวหา
ซัดกระหน่ำลงสู่พื้นพสุธา
ผลาญวิญญาทุกสิ่งดิ้นสิ้นชีวี
๏ดั่งหุบไฟบรรลัยกัลป์ที่ผลาญโลก
วิปโยคคลืนคลั่งมิอาจหนี
ทั้งสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในไพรี
ต่างริกรี้วิ่งหนีกันพัลวัน
๏ดั่งมหาเทพยุทธเข้าถาโถม
เข้าประโคมกลองศึกให้หุนหัน
ส่งข้าศึกสวมเขาเข้าโรมรัน
ชิงฆ่ามันก่อนข้าตายไร้ศักดา
๏นี่แหละคือตัวอย่างกลียุค
ไร้ความสุขให้เฝ้าแสวงหา
เมื่อคนชั่วทำชั่วเป็นจรรยา
ไม่นานหนากลียุคมุ่งมาเยือน
วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552
ครวญ
๏ดวงตะวันผ่านหัวไปหลายหลายเที่ยว
ลมเฉียดเฉี่ยวเปลือกผิวหนังที่หยักย่น
ในดวงตาแห้งแล้งขาดสายชล
ยังมีคนคร่ำครวญอยู่ภายใน
๏ดั่งคลื่นคลั่งโถมไปในธารา
ดั่งพสุธาเลื่อนลั่นสนั่นไหว
ดั่งสายฟ้าฟันฟาดขาดบรรลัย
ดั่งหัวใจที่แห้งผากมากทุกข์ตรม
๏แสวงหาสิ่งใดในชีวิต
เฝ้ายึดติดศฤงคารหมั่นสะสม
อีกอำนาจบารมีที่น่าชม
กลับต้องจมกองกิเลสสมเพชตัว
๏กลับคืนสู่หนทางธรรมชาติ
น้ำสะอาดชำระล้างว่างทั้งหัว
จุดกำเนิดเกิดออกมามีแค่ตัว
อย่าเอาชั่วกลับไปให้หมองเลย
ลมเฉียดเฉี่ยวเปลือกผิวหนังที่หยักย่น
ในดวงตาแห้งแล้งขาดสายชล
ยังมีคนคร่ำครวญอยู่ภายใน
๏ดั่งคลื่นคลั่งโถมไปในธารา
ดั่งพสุธาเลื่อนลั่นสนั่นไหว
ดั่งสายฟ้าฟันฟาดขาดบรรลัย
ดั่งหัวใจที่แห้งผากมากทุกข์ตรม
๏แสวงหาสิ่งใดในชีวิต
เฝ้ายึดติดศฤงคารหมั่นสะสม
อีกอำนาจบารมีที่น่าชม
กลับต้องจมกองกิเลสสมเพชตัว
๏กลับคืนสู่หนทางธรรมชาติ
น้ำสะอาดชำระล้างว่างทั้งหัว
จุดกำเนิดเกิดออกมามีแค่ตัว
อย่าเอาชั่วกลับไปให้หมองเลย
ร้อยเส้นทาง
๏แม้นมีร้อยเส้นทางถึงฝั่งฝัน
จงเลือกมันเพียงหนึ่งสร้างความหมาย
ทุ่มขยันหมั่นฝึกฝนจนวันตาย
สู่เส้นชัยไม่ยากหากเอาจริง
จงเลือกมันเพียงหนึ่งสร้างความหมาย
ทุ่มขยันหมั่นฝึกฝนจนวันตาย
สู่เส้นชัยไม่ยากหากเอาจริง
วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552
ศรัทธา
๏แม้สิ้นไร้ไม้ตอกก็ยังสู้
แม้คนดูเท่าผืนหนังยังไม่ถอย
ถูกหยามหยันพันครั้งยังเฝ้าคอย
ไม่ท้อถอยคอยยืนหยัดอัตศรัทธา
แม้คนดูเท่าผืนหนังยังไม่ถอย
ถูกหยามหยันพันครั้งยังเฝ้าคอย
ไม่ท้อถอยคอยยืนหยัดอัตศรัทธา
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552
กลกามความรัก
๏กลกามแห่งอิสตรีว่ามีรัก
เข้ามาหักสายสวาทขาดเป็นสอง
ให้รักเขาคราบคร่าน้ำตานอง
ได้หมายปองก็จากไปโดยไม่แล
๏เที่ยวเสาะหากามใหม่มาเชยชม
ใหม่สุขสมเก่าทิ้งไว้ให้เลียแผล
ถึงเขามีคู่แล้วเข้าตอแย
โอ้เอ๋ยแม่หญิงร่านผลาญหัวใจ
ได้รับแรงบัลดาลใจจากชื่อหนังของคุณ ทรนง ศรีเชื้อ
เข้ามาหักสายสวาทขาดเป็นสอง
ให้รักเขาคราบคร่าน้ำตานอง
ได้หมายปองก็จากไปโดยไม่แล
๏เที่ยวเสาะหากามใหม่มาเชยชม
ใหม่สุขสมเก่าทิ้งไว้ให้เลียแผล
ถึงเขามีคู่แล้วเข้าตอแย
โอ้เอ๋ยแม่หญิงร่านผลาญหัวใจ
ได้รับแรงบัลดาลใจจากชื่อหนังของคุณ ทรนง ศรีเชื้อ
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552
หลายใจ
๏คณิกายังมี ใจเดียว
หินหนักนิ่งจริงเจียว น้ำไหล
ปราชญ์หนึ่งแสนเฉลียว จิตนิ่ง
คนมากกมลไซร้ ห่อนได้เห็นดี
หินหนักนิ่งจริงเจียว น้ำไหล
ปราชญ์หนึ่งแสนเฉลียว จิตนิ่ง
คนมากกมลไซร้ ห่อนได้เห็นดี
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ความรัก ยาพิษ
๏ฝืนกลืนรสขื่นเข้ม ยาดี
ปัดเป่าโรคภัยหนี ยิ่งแล้ว
หอมหวานยิ่งรสดี ยาเบื่อ
อาสัญบ่คลาดแคล้ว ไป่รู้สรรพคุณ
๏หักสวาทขาดเมื่อแม้ รักมี
เจ็บบ่นานเกินปี ผ่านพ้น
ผูกจิตร่วมฤดี ยากห่าง เหินนา
จมจ่อมทุกข์มากล้น ชั่วสิ้นชีวี
โคลงสองบทนี้ ขอขอบคุณให้พี่หินที่ช่วยขัดเกลาครับ
ปัดเป่าโรคภัยหนี ยิ่งแล้ว
หอมหวานยิ่งรสดี ยาเบื่อ
อาสัญบ่คลาดแคล้ว ไป่รู้สรรพคุณ
๏หักสวาทขาดเมื่อแม้ รักมี
เจ็บบ่นานเกินปี ผ่านพ้น
ผูกจิตร่วมฤดี ยากห่าง เหินนา
จมจ่อมทุกข์มากล้น ชั่วสิ้นชีวี
โคลงสองบทนี้ ขอขอบคุณให้พี่หินที่ช่วยขัดเกลาครับ
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เคว้งคว้าง
๏เคว้งคว้างลอยล่องลิ่ว กลางหาว
ไหวเคลื่อนในเดือนดาว แหวกว่าย
จุดหมายไป่สุกสกาว แสงส่อง เห็นนา
มืดมิดประดุจคล้าย ว่าไร้หนทาง
ไหวเคลื่อนในเดือนดาว แหวกว่าย
จุดหมายไป่สุกสกาว แสงส่อง เห็นนา
มืดมิดประดุจคล้าย ว่าไร้หนทาง
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ปก I HATE 02 เวอร์ชั่นล่าสุด
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552
I HATE 2 จะคลอดแล้ว
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ความดี
๏ผ้าใบผืนใหญ่กว้าง ยาววา
หมึกหยดเลอะตรึงตรา จุดน้อย
เด่นชัดบ่ลืมถ้า เพียงพิศ
ดั่งคนแลจุดด้อย กระจ่างเหลือดี
หมึกหยดเลอะตรึงตรา จุดน้อย
เด่นชัดบ่ลืมถ้า เพียงพิศ
ดั่งคนแลจุดด้อย กระจ่างเหลือดี
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552
นิราศสงกรานต์
๏เป็นคนนั้งบ่ต่าง สัตว์ต่ำ
เหตุเพราะไร้คุณธรรม ยกจิต
บ่อาจพ้นบ่วงกรรม เวียนว่าย
ผู้ประเสริฐควรพินิจ เคร่งครัดในธรรม
๏นั่งนิ่งนิ่งในจิตคิดใคร่ครวญ
คืนวันหวนย้อนไปถึงภายหลัง
สิบปีก่อนเคยอยู่เคยประทัง
สิบปีหลังผ่านพ้นไปวัยล่วงเลย
๏ก่อนเป็นเด็กเคยคิดฝันถึงวันหน้า
ว่าตัวข้าต้องยิ่งใหญ่ดั่งใจเอ่ย
เฝ้าพากเพียรเรียนวิชาไม่ละเลย
แต่ใจเอยกลับลืมตัวของตัวเอง
๏เรียนมาได้สามปีเป็นดีดัก
เห็นว่าจักต้องเลือกทางให้เหมาะเหม็ง
เลือกเข้าสอบศิลปะพาละเลง
สี่ปีเพ่งเรียนให้จบแล้วพบงาน
๏นั่งทำงานอยู่เมืองกรุงทุกข์แค่ไหน
เงินที่ได้ไม่เท่าที่เผาผลาญ
ทุกคนแก่งแย่งชิงศฤงคาร
เครียดมานานสั่งสมระทมใจ
๏ได้ลากลับมาสู่หมู่บ้านเกิด
แสนบรรเจิดชื่นบานและผ่องใส
ถนนโล่งทุ่งกว้างสบายใจ
เด็กน้อยใหญ่ก็เห็นเล่นสงกรานต์
๏แต่เรื่องดีนั้นมีไม่มากนัก
ตกดึกมักได้ยินเสียงประสาน
ขับบรรเลงเพลงดังก้องร้องกังวาล
ความสำราญหายไปในใจพลัน
๏วัฒนธรรมคนบ้านนอกบอกไม่ได้
เหมือนดั่งไอ้บัวใต้น้ำไม่เปลี่ยนผัน
ดูทีวีมีเรื่องราวเขาฆ่าฟัน
หัวใจฉันครุ่นคิดในความเป็นคน
๏สัตว์ประเสริฐที่เลิศกว่าสัตว์อื่น
คือนิยามดาษดื่นไร้เหตุผล
กินแย่งฆ่าตามสันชาตญาณตน
หนีไม่พ้นความเดรัจฉานกัน
๏ดูอย่างสัตว์กินเพื่ออยู่พอแล้วหนา
มันไม่หาสิ่งสมมุติให้ใจหัน
คนเราเพื่อผลประโยชน์ต้องฆ่ากัน
ความโลภนั้นมีมากเหมือนทำลาย
๏ยุคสมัยเปลี่ยนไปกลับยิ่งแย่
คนเราแพ้กิเลสน่าใจหาย
สร้างสิ่งของหลอกขายกันเข้าไป
จนอยากได้อยากมีไม่รู้จบ
๏หากอยากอยู่สูงศักดิ์กว่าสัตว์อื่น
คงต้องฟื้นจิตใจให้น่าคบ
ใช้หลักธรรมคำสอนคอนช่วยกลบ
คอยช่วยลบกิเลสให้หายไป
๏รำลึกถึงความคิดเมื่อโตขึ้น
ดั่งยืนมองจากที่สูงหายสงสัย
เข้าสู่เบญเพสผ่านช่วงวัย
คนึงใจเฝ้าหาปัญญาธรรม.
(แต่งเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2552)
เหตุเพราะไร้คุณธรรม ยกจิต
บ่อาจพ้นบ่วงกรรม เวียนว่าย
ผู้ประเสริฐควรพินิจ เคร่งครัดในธรรม
๏นั่งนิ่งนิ่งในจิตคิดใคร่ครวญ
คืนวันหวนย้อนไปถึงภายหลัง
สิบปีก่อนเคยอยู่เคยประทัง
สิบปีหลังผ่านพ้นไปวัยล่วงเลย
๏ก่อนเป็นเด็กเคยคิดฝันถึงวันหน้า
ว่าตัวข้าต้องยิ่งใหญ่ดั่งใจเอ่ย
เฝ้าพากเพียรเรียนวิชาไม่ละเลย
แต่ใจเอยกลับลืมตัวของตัวเอง
๏เรียนมาได้สามปีเป็นดีดัก
เห็นว่าจักต้องเลือกทางให้เหมาะเหม็ง
เลือกเข้าสอบศิลปะพาละเลง
สี่ปีเพ่งเรียนให้จบแล้วพบงาน
๏นั่งทำงานอยู่เมืองกรุงทุกข์แค่ไหน
เงินที่ได้ไม่เท่าที่เผาผลาญ
ทุกคนแก่งแย่งชิงศฤงคาร
เครียดมานานสั่งสมระทมใจ
๏ได้ลากลับมาสู่หมู่บ้านเกิด
แสนบรรเจิดชื่นบานและผ่องใส
ถนนโล่งทุ่งกว้างสบายใจ
เด็กน้อยใหญ่ก็เห็นเล่นสงกรานต์
๏แต่เรื่องดีนั้นมีไม่มากนัก
ตกดึกมักได้ยินเสียงประสาน
ขับบรรเลงเพลงดังก้องร้องกังวาล
ความสำราญหายไปในใจพลัน
๏วัฒนธรรมคนบ้านนอกบอกไม่ได้
เหมือนดั่งไอ้บัวใต้น้ำไม่เปลี่ยนผัน
ดูทีวีมีเรื่องราวเขาฆ่าฟัน
หัวใจฉันครุ่นคิดในความเป็นคน
๏สัตว์ประเสริฐที่เลิศกว่าสัตว์อื่น
คือนิยามดาษดื่นไร้เหตุผล
กินแย่งฆ่าตามสันชาตญาณตน
หนีไม่พ้นความเดรัจฉานกัน
๏ดูอย่างสัตว์กินเพื่ออยู่พอแล้วหนา
มันไม่หาสิ่งสมมุติให้ใจหัน
คนเราเพื่อผลประโยชน์ต้องฆ่ากัน
ความโลภนั้นมีมากเหมือนทำลาย
๏ยุคสมัยเปลี่ยนไปกลับยิ่งแย่
คนเราแพ้กิเลสน่าใจหาย
สร้างสิ่งของหลอกขายกันเข้าไป
จนอยากได้อยากมีไม่รู้จบ
๏หากอยากอยู่สูงศักดิ์กว่าสัตว์อื่น
คงต้องฟื้นจิตใจให้น่าคบ
ใช้หลักธรรมคำสอนคอนช่วยกลบ
คอยช่วยลบกิเลสให้หายไป
๏รำลึกถึงความคิดเมื่อโตขึ้น
ดั่งยืนมองจากที่สูงหายสงสัย
เข้าสู่เบญเพสผ่านช่วงวัย
คนึงใจเฝ้าหาปัญญาธรรม.
(แต่งเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2552)
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552
ฤาจะสิ้นแล้วหรือชื่อเมืองไทย
๏ต่างด้าวก้าวรุกราน แดนไทย
ปู่ย่าพลีชีพไซร้ ปกป้อง
นานวันหลานเหลนไทย แตกแยก
ปู่ย่าร่ำไห้ร้อง ลูกไทยฆ่ากัน
๏ใฝ่ฝันอำนาจล้น เหลือแสน
อยากใคร่เป็นใหญ่แทน พระเจ้า
ปลุกไทยระบายแค้น สมจิต เจ้านา
สูญใดไป่สูญเท่า สูญเสียเมืองไทย
๏ฤาจะสิ้นแล้วหรือชื่อเมืองไทย ที่ปู่ย่าสร้างไว้แต่กาลก่อน
บัดนี้ลูกหลานไทยใฝ่ริดรอน กัดกร่อนแบ่งแยกสิ้นแผ่นดินเรา
• ขอให้โคลงกลอนบทนี้ป็นส่วนหนึ่ง ในการทำให้ประเทศไทยสงบสุข•
ปู่ย่าพลีชีพไซร้ ปกป้อง
นานวันหลานเหลนไทย แตกแยก
ปู่ย่าร่ำไห้ร้อง ลูกไทยฆ่ากัน
๏ใฝ่ฝันอำนาจล้น เหลือแสน
อยากใคร่เป็นใหญ่แทน พระเจ้า
ปลุกไทยระบายแค้น สมจิต เจ้านา
สูญใดไป่สูญเท่า สูญเสียเมืองไทย
๏ฤาจะสิ้นแล้วหรือชื่อเมืองไทย ที่ปู่ย่าสร้างไว้แต่กาลก่อน
บัดนี้ลูกหลานไทยใฝ่ริดรอน กัดกร่อนแบ่งแยกสิ้นแผ่นดินเรา
• ขอให้โคลงกลอนบทนี้ป็นส่วนหนึ่ง ในการทำให้ประเทศไทยสงบสุข•
วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552
ความสุข
สุขหนึ่งสุขลิ้มรส อร่อยปาก
วิจิตรลักษณ์สุขมาก พิศได้
โสตเสนาะไพเราะยาก ลืมรส สุขนา
สุขใดหาสุขไม่ เท่ารู้รสธรรม
วิจิตรลักษณ์สุขมาก พิศได้
โสตเสนาะไพเราะยาก ลืมรส สุขนา
สุขใดหาสุขไม่ เท่ารู้รสธรรม
วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552
ความรัก
พิษร้ายพิษร้อนแรง พิษงู
รีดทิ้งพิษห่อนยู่ ตกค้าง
พิษรักปักในอณู ฝังจิต
ยากบ่งพิษบ่ล้าง แน่นแฟ้น อวสาน
รีดทิ้งพิษห่อนยู่ ตกค้าง
พิษรักปักในอณู ฝังจิต
ยากบ่งพิษบ่ล้าง แน่นแฟ้น อวสาน
วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552
ความฝัน
ย่ำเดินตามเส้นทาง มืดมน
ใจจิตคิดสับสน อ้างว้าง
เหน็บหนาวสุดทานทน จับจิต ใจแฮ
ข่มร่างทนเยื้องย่าง ต่อสู้ ตัวเอง
ใจจิตคิดสับสน อ้างว้าง
เหน็บหนาวสุดทานทน จับจิต ใจแฮ
ข่มร่างทนเยื้องย่าง ต่อสู้ ตัวเอง
วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552
การจากไปของเธอ
ทำไมเขาถึงไม่ชอบฉัน?
ฉันเป็นสัญลักษณ์ของความล้าหลังอย่างนั้นหรือ?
ครั้งหนึ่งฉันจำได้ว่าฉันเคยเป็น เครื่องหมายแห่งความเจริญงอกงาม
ยุคสมัยเปลียนไป...
กลุ่มคนที่คอยรักและหวงแหนฉันค่อยๆ ล้มหายตายจาก
ฉันทำความผิดอันใด? หรือพวกเขาเองที่ทำผิด? เขาไม่ยอมรับผิด!
พวกเขาเสาะแสวงหาสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่
และเป็นฉันเองที่ต้องเดินจากไป....
ฉันเป็นสัญลักษณ์ของความล้าหลังอย่างนั้นหรือ?
ครั้งหนึ่งฉันจำได้ว่าฉันเคยเป็น เครื่องหมายแห่งความเจริญงอกงาม
ยุคสมัยเปลียนไป...
กลุ่มคนที่คอยรักและหวงแหนฉันค่อยๆ ล้มหายตายจาก
ฉันทำความผิดอันใด? หรือพวกเขาเองที่ทำผิด? เขาไม่ยอมรับผิด!
พวกเขาเสาะแสวงหาสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่
และเป็นฉันเองที่ต้องเดินจากไป....
วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)