วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เสียดาย



+เราทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร!!! อดีตผู้จัดการหนุ่มรำพึงในใจ เขาเคยเป็นคนหนุ่มที่อนาคตไกล ทำงานในบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังระดับแนวหน้าของประเทศเขาเป็นคนขยันตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือ ข้องแวะกับอบายมุขต่างๆ เป็นคนดีในสังคมคอยช่วยเหลือผู้คนรอบข้าง ไม่เคยเอาเปรียบหรือเบียดเบียนใคร มีสมบัติของผู้ดีเพียบพร้อม เขายึดมั่นในคำสอนของพ่อ แม่ ครู อาจารย์ ที่สอนว่า คนดีในสังคมเป็นอย่างไร


+เวลาผ่านไปหลายปี เขาเติบโตมากับแนวคิดนี้และปฏิบัติมันอย่างสม่ำเสมอไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาเชื่อว่าชีวิตมนุษย์คนเราทุกคนมีหน้าที่ มีเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิตคล้ายๆกัน เขาลำดับกะเกณฑ์ชีวิตของเขาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ต้องตื่นนอนแต่เช้า ตัดผมให้สั้นตามระเบียบ ต้องขยันเรียน ต้องเรียนให้สูงๆจะได้งานดีๆ ขยันอ่านหนังสือ สอบให้ได้คะแนนสูงๆ ต้องเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง จบแล้วต้องเรียนต่อสาขายอดนิยม เลือกทำงานที่ดีๆ เงินเดือนสูงๆ ต้องแต่งงานในตอนอายุไม่เกินสามสิบปี ซื้อบ้าน ซื้อรถ เลี้ยงลูก ทำธุรกิจ ร่ำรวย มีเงินเหลือกินเหลือใช้ เป็นที่รักของทุกคน ยามแก่เฒ่ามีลูกหลานคอยดูแล บางอย่างไม่เกิดขึ้นในเวลานี้แต่เขาพยามจะทำมันให้ได้ตามเป้าหมาย เขาเชื่อว่าทุกคนก็คงเป็นเหมือนๆกันเพราะเขาเห็นคนรอบข้างของเขาแต่ละคนก็ดำเนินชีวิตไม่ต่างกัน


+เขารังเกียจคนที่ไม่ได้เรียน คนหนีเรียน คนเที่ยวกลางคืน คนเรียนไม่จบ เขามองว่าคนเหล่านี้ไม่มีอนาคต ไร้ปัญญา การดำเนินชีวิตหลุดกรอบของสังคมเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเขา เขาคิดว่า คนเหล่านี้ คงไม่มีทางสำเร็จในชีวิต เป็นคนที่ทำตัวแปลกแยก


+การงานของเขาก้าวหน้าไปตามลำดับ เขาได้เป็นพนักงานดีเด่นสามเดือนซ้อนเงินเดือนและโบนัสเพิ่มขึ้นสูงอย่างเป็นประวัติการ เขาซื้อคอโดหรูกลางกรุงราคาหลายล้าน สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง ผู้คนต่างนับหน้าถือตา แผนการณ์ชีวิตของเขาเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาควบคุมมันได้


+เขาพบรักรุ่นน้องสาวสวยที่ทำงานออฟฟิศเดียวกัน เขารักเธอมากทุ่มเททำงานเก็บเงินเพื่อสานฝันกับเธอ เขาทำโอทีทุกวันจนติดเป็นนิสัย เขาคิดถึงอนาคต ร่ำรวยเงินทอง ไม่ลำบาก มีลูกตัวเล็กๆ แล้วก็อยู่กันอย่างมีความสุข


+วันนึงเขากลับจากออฟฟิศเร็วกว่าปกติ ซื้อเนื้อมาทำกับข้าว เขาอยากทำเซอร์ไพรส์เมียของเขาด้วยอาหารมื้อค่ำ


+วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ห้องปิดไฟมืดสนิท ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติ เขาได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากในห้องนอน เขาวางเนื้อแล้วเดินไปดู ประตูเปิดแง้มไว้ แล้วเขาก็ได้เห็นที่มาของเสียงนั้น เงาตะคุ่มๆอยู่ที่เตียง เป็นเงาของคนสองคน คนหนึ่งคือเมียของเขา แต่อีกคนเป็นชายที่ไม่รู้จัก ทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาอึ้งไปชั่วขณะ มือของเขาคืบคลานไปกดสวิตซ์ไฟ


+เมื่อแสงไฟสว่างขึ้น ทั้งสามคนต่างจ้องหน้ากันและกัน ทุกคนอยู่ในอาการตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน.....




+หนึ่งเดือนต่อมา เขาออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการบาดแผลที่เกิดจากการโดนแทง ที่ท้องของเขาเริ่มสมานกันดีแล้วให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เขากลับมาถึงบ้านที่พังระเนระนาดด้วยการต่อสู้ เขาจำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ที่เขารู้คือเมียของเขาหนีตามชายชู้ไปพร้อมกับเงินบางส่วน แต่ก่อนไป เธอได้ฝากสิ่งหนึ่งไว้กับเขา สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เขาไม่ทราบว่าเธอจะรู้ตัวหรือเปล่าว่า "เธอติดเอดส์"


+เขากลับไปที่ทำงาน สายตาของทุกคนจ้องมองเขาไม่เหมือนอย่างเคย เขากลายเป็นตัวประหลาด เขาหาทางออกด้วยการพึ่งพา เหล้า และ บุหรี่ ความเครียดและความกดดันรุมเร้าจนเขาต้องลาออกจากงานในอีกหนึ่งเดือนต่อมา เงินเก็บที่มีก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลและค่าเหล้าบุหรี่


+เขานอนหมกตัวในบ้านทั้งวันทั้งคืน เขานอนรอความตาย ชีวิตเขาไม่เหมือนอย่างเคย ตื่นสาย ไม่ทำงาน ไม่มีเงินเก็บ เขาแปลกใจ ทั้งๆที่เขากะเกณฑ์ทุกอย่างไว้ตามขั้นตอน แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด ยิ่งคิดมากทำให้เขายิ่งถอดใจ


+ความว่างเปล่า การได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เขาได้คิดอะไรได้บางอย่าง เขาคิดว่า คนเราก็คือสัตว์โลก สัตว์ที่ความต้องการหลัก ก็คือการมีชีวิตรอด ต้องกิน ต้องอยู่ ต้องสืบพันธุ์ สิ่งที่เราเป็น เราจินตนาการ เราถูกกำหนดกฎเกณฑ์ ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่เราสมมุติกันขึ้นมาเอง ทำไมเราต้องตัดผมสั้น ทำไมเราต้องตื่นนอนแต่เช้า ทำไมต้องเรียนให้สูง ทำไมการกระทำบางอย่างที่ผิดแปลกจากคนส่วนใหญ่ถึงเป็นสิ่งผิด ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับคนที่เขาเคยรังเกียจ หรืออาจหนักกว่านั้น


+เขานั่งเงียบๆมองผิวหนังที่ตกสะเก็ดไม่มีคำคำใดที่เขาจะนิยามความรู้สึกที่มีอยู่ ณ เวลานี้ได้เท่าคำว่า "เสียดาย"

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ซ้ายหรือขวา



+เสียงผู้คนโห่ร้อง ประท้วงกันอึกทึก ไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะต้องการให้มันลงเอยอย่าง ไร จะเลือกทางซ้าย หรือ ทางขวา หาเหตุผลต่างๆนานาว่า ทางที่ตัวเองเลือกนั้นดีที่สุด




+หลายคนเลือกทางซ้าย หลายคนเลือกทางขวา คำถามก็คือ แล้วทางไหนมันดีที่สุด กันล่ะ เดินทางซ้ายแล้วจะดีกว่าทางขวาจริงหรือ จริงๆแล้ว ประเทศไทยล้วนผ่าน มือนักการเมือง หรือ ผู้ปกครองมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งมีและไม่มีความสามารถ แต่ชะตาบ้านเมืองก็ดำเนินมาได้จนถึงทุกวันนี้อาจจะดูล้าๆลงบ้าง แต่ก็ยังเดินต่อไปได้




+ถ้าเปรียบประเทศไทย เป็นคนคนหนึ่ง หากว่าอวัยวะในร่างกาย ทำงานอย่างปั่นป่วน ไม่มีระบบ อวัยวะบางชิ้นก็พยายามก่อตัวเป็นเนื้อร้าย คอยขัดการทำงาน ของอวัยวะหลักที่สำคัญ สิ่งนี้จะเป็นสาเหตุให้คนๆนี้ตายเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น




+และถ้าประเทศไทยเป็นคนคนหนึ่งอีกเช่นเคย คนคนนี้ก็จะมีชะตากรรม ในศาสนา พุทธเคยมีคำสอนอยู่ว่า " สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม " คำพูดนี้ไม่ได้แปลว่าปล่อยไปตามเวรตามกรรม หากแต่อยากให้สร้างกรรมดีไว้ให้มากๆ




+หากทุกคนลดทิฐิลง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด สามัคคีกัน ประเทศไทยคงจะเดิน ไปข้างหน้าได้อีก ไม่ว่าจะทางซ้าย หรือ ทางขวา ก็ย่อมเดินได้ อุปสรรค เป็นของที่ มากับทางเดิน ไม่มีทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีทางใดที่ดีที่สุด มีแต่การประคับ ประครองให้เดินไปตามทางให้ดีที่สุด อย่างมีสติ และรู้ตัวอยู่เสมอ




+ผมไม่ได้อยู่ฝั่งซ้าย หรือ ฝั่งขวา ไม่ได้สนับสนุน หรือ ขับไล่ไป ไม่มีความรู้ความ สามารถถึงขั้นวิเคราะห์เจาะเกมได้ แต่สามารถรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้



+บางทีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ก็คือการ "หัดอยู่นิ่งๆซะบ้าง".....

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ฉันคือ...เครื่องเล่นดีวีดี

+หลายคนต้องการตัวฉัน เหตุผลเพราะว่า ฉันทำให้เขาได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่เขาสนใจ แต่สิ่งที่เค้าสนใจนั้น ไม่ใช่ตัวฉัน หากแต่เป็นสิ่งหนึ่งที่เขานำมาใส่ในตัวฉัน เขาบอกให้ฉันแปลรหัสความคิดของเจ้าสิ่งนั้นให้เขาดู เจ้าสิ่งนั้นก็คือแผ่นดีวีดีนี่เอง



+ฉันเป็นเหมือนกับร่างทรง เป็นเพียงตัวหุ่นที่ไร้วิญญาณ เมื่อใครสนใจจะพบปะใคร ก็นำวิญญาณของคนนั้นมาใส่ในร่างฉัน แล้วฉันก็พยายามทำให้เค้าได้สัมผัสกับวิญญาณนั้น



+เด็กผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ต่อหน้าฉัน ฉันรู้สึกแย่และอยากปลอบใจแต่เมื่อหนังจบ เธอดึงแผ่นออกมาแล้วก็ต่อว่าเจ้าแผ่นดีวีดีบ้านั่นแต่แล้วเธอก็เอามันมาดูกับตัวฉันแล้วก็ร้องไห้อีก เธอเป็นอะไรกับไอ้แผ่นบ้านี่กันนะ



+เด็กวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง จ้องมองฉันด้วยกิริยาทึ่งและศรัทธา เวลาผ่านไปสองชั่วโมงเขาก็กดแผ่นออก และ กล่าวชมในแนวคิดของเจ้าแผ่นดีวีดีนี้ อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง



+ผู้คนก็พยายามเก็บสะสมแผ่นดีวีดีส่วนตัว หาซื้อหรือหาเช่าสิ่งที่เขาต้องการ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถดูแผ่นนั้นตรงๆได้ แล้วนั่นก็คงต้องเป็นหน้าที่ของฉันอีกตามเคย ฉันเหนื่อยและท้อเต็มที ที่ต้องเป็นแบบนี้



+หลายครั้งที่ฉันอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกให้ผู้คนรู้ แต่ฉันก็ทำสิ่งนั้นด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันเป็นเพียงแค่คนกลาง คนกลางที่ถ่ายทอดรหัสความคิดจากแผ่นดีวีดี แล้วแปลงสัญญาณให้ทีวีบอกกล่าวความคิดนั้นไปสู่ผู้ชม



+ทีวีเพื่อนสนิทของฉันมันก็อาภัพพอๆกัน แต่อย่างน้อยมันก็บ่งบอกความเป็นไปของตัวมันเองให้ผู้คนรับรู้ได้ มันรับสัญญาณและ"ถ่ายทอด"ออกมาได้



+ฉันเคยดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการ ได้แต่หวังสักวันว่า ฉันคงต้องถ่ายทอดสิ่งที่เป็นตัวฉันให้ผู้คนรับรู้บ้าง แต่ตอนนี้ ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ยากเต็มทน ฉันไม่มีความสามารถแบบนั้น มันผิดตั้งแต่แรก ผิดที่ฉันเกิดมาเป็นเครื่องเล่น แผ่นดีวีดีผลิตออกมาใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน ล้วนแต่เป็นเรื่องราวที่สดใหม่ ในขณะที่สภาพเครื่องของฉันนั้นผุพังไปตามกาลเวลา



+ท้ายนี้ถึงฉันบ่นอะไรไปก็คงมีแต่จะน่ารำคาญ เปล่าประโยชน์ ฉันเกิดเป็นเครื่องจักร ถึงมีความต้องการจะเปลี่ยน แต่ฉันก็เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อย ฉันก็ยังมีความสำคัญ ถึงคนจะไม่รัก และ ศรัทธาในตัวฉันเท่าแผ่นดีวีดี หรือ ทีวี แต่ฉันก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ และจะทำมันให้ดีที่สุด ก็เพราะฉันเป็น "เครื่องเล่นดีวีดี"