วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เมื่อเด็กๆโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่



สมัยเป็นเด็ก เด็กชาย ก. เป็นเด็กช่างสงสัย เขาสรุปทุกข้อสงสัยด้วยตัวเขาเองเขาได้พบความสัมพันธ์กับของหลายสิ่งในโลกซึ่งคล้ายกัน ในเมื่อหาคำอธิบายไม่ได้ ก็ทึกทักว่าเป็นเรื่อง "บังเอิญ"

บังเอิญว่า ประเทศไทย หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน,หนึ่งปีมีสิบสองเดือน,หนึ่งเดือนมีสามสิบ หรือ สามสิบเอ็ดวัน และเรามีวันปีใหม่ตรงกับฝรั่ง

บังเอิญว่า การ์ตูนไทย มีมุขตลกคล้ายการ์ตูนญี่ปุ่น เลือกำเดาเมื่อเห็นภาพลามก เหงื่อตกที่หัวเมื่อเกิดอาการเซ็งๆ

บังเอิญว่า คำว่า จัง,คุง,โกะ,ซัง เมื่อเอามาตามหลังชื่อเล่นแล้วจะรู้สึกว่าน่ารัก (รวมทั้งคำพูดว่า ง่ะ,งุงิ,งับ,อิอิ,คริคริ ด้วย)

บังเอิญว่า วัยรุ่นไทย แต่งตัวแต่งหน้าคล้าย ฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ไม่รู้ว่าใครเลียนแบบใคร(พบได้ใน hi5)

บังเอิญว่า เราดูหนังฝรั่ง หรือ หนังจีน จะสนุก และ เข้าใจง่ายกว่าหนังญี่ปุ่น

บังเอิญว่า มีเพลงไทยหลายเพลง ที่ทำนองเหมือนเพลงเมืองนอก

บังเอิญว่า ตำราเรียนของไทย คล้ายกับตำราเรียนเมืองนอก

บังเอิญว่า ฝรั่งก็ปลูกข้าวหอมมะลิ ได้เหมือน คนไทย

บังเอิญว่า เราดูหนังก็ต้องกินข้าวโพดคั่วเหมือนฝรั่ง

บังเอิญว่า ชื่อของคนอินเดีย คล้ายกับชื่อของคนไทย

บังเอิญว่า คนไทยก็เกลียด ลัทธิ "คอมมิวนิส" เหมือนคน อเมริกา (แล้วทำไม คนจีน กับ เกาหลีเหนือ เค้าไม่เกลียดล่ะ)

เมื่อโตขึ้นเขาก็ได้รู้ว่า... "ความบังเอิญ ไม่มีจริง"





เด็กหญิง ฮ. ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบสังเกตสิ่งรอบตัว แต่ไม่คิดแบบเด็กชาย ก.

เด็กหญิง ฮ. ชอบจะชื่นชม ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ซะมากกว่า

เด็กหญิง ฮ. บอกว่า "ประเทศไทยเดี๋ยวนี้เจริญมาก"

ประเทศไทยเจริญมาก สังเกตได้จากมีคอมพิวเตอร์ใช้กันแทบทุกคน อีกหน่อย เด็กหญิง ฮ. อาจจะหิ้วโน๊ตบุ๊คไปเรียนแทนหนังสือ

ประเทศไทยเจริญมาก เพราะเด็กไทยฉลาด เด็กหญิง ฮ. และเพื่อนๆหลายคนรู้จักอินเตอร์เน็ต และติด UBC เห็นผู้ใหญ่บอกว่า มันเป็นสิ่งให้ความรู้

ประเทศไทยเจริญมาก เพราะมีรถทันสมัยหน้าตาสวยๆ เด็กหญิง ฮ. เห็นรถที่โชว์รูมข้างบ้าน ตรงกับ รถที่ออกใหม่ในอินเตอร์เน็ต

ประเทศไทยเจริญมาก คนไทยทุกคนมีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆออกมาใช้ทุกวัน

ประเทศไทยเจริญมาก เด็กหญิง ฮ. มองเห็นตึกรามบ้านช่องที่ใหญ่โต สร้างขึ้นทุกวัน มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ มีถนนกว้างๆ และทางยกระดับที่เหมือนกันรถไฟเหาะ

ประเทศไทยเจริญมาก พ่อของเด็กหญิง ฮ. เป็นเกษตรกร ใช้ ควายเหล็ก รถไถ ปุ๋ยเคมี ในการปลูกพีช และพืชที่ใช้ปลูกนอกจากจะไร้เมล็ดแล้ว ยังป้องกันการกัดแทะของแมลงด้วย

ประเทศไทยเจริญมาก มีคนไทยโกอินเตอร์ไปทำงานที่ต่างประเทศ แล้วก็ยังมี คนต่างประเทศ มาลงทุนในไทยด้วย

เมื่อโตขึ้นเด็กหญิงฮ สงสัยว่า... "ประเทศไทยเจริญ จริงหรือ???"

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ซอย



+วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ฉันต้องเดินผ่านซอยเปลี่ยวนี้เพียงลำพังซอยดินลูกรังที่มืดสุดลูกหูลูกตา สองข้างทางเต็มไปด้วยป่ากก บริษัท ส่งของ รถพ่วงและ บ้านพักคนงาน กลางดึก เงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงกบและจิ้งหรีด มีเพียงแสงไฟจากบ้านพักคนงานที่ห่างกัน หลังละสิบเมตร ที่ส่องนำทางให้ฉันก้าวย่างต่อไปข้างใน...

+ทำไมฉันถึงต้องเดินผ่านซอยนี้น่ะเหรอ คำตอบง่ายๆก็คือ มันเป็นทางผ่านทางเดียวที่จะไปยังบ้านของฉันได้ ซอยนี้เป็นซอยเชื่อมระหว่างถนนหน้าบ้านของฉัน กับที่ทำงาน ในตอนกลางวัน ผู้คนสัญจรผ่านซอยนี้มากมาย เป็นเรื่องปกติ รวมทั้งฉันด้วย แต่วันนี้ งานที่ออฟฟิศมันเร่งมากจน ฉันต้องเลิกงานดึก และ จำเป็นที่จะต้องเดินผ่านซอยนี้

+ฉันเดินก้าวขาอย่างช้าๆ ทุกก้าวย่างของฉัน เต็มไปด้วยความกลัว และ หวาดระแวง หนทางอันมืดมิดข้างหน้านั้น จะมีสิ่งใดซ่อนอยู่ ใจของฉันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เรื่องราวลี้ลับที่ถูก ปู่ ย่า ตา ยาย เล่าให้ฟังสมัยฉันยังเด็ก ผุดออกมาเป็นดอกเห็ด สมองอันทรยศของฉันกำลังเรียบเรียงเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวไปเรื่อยๆ ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างของฉัน ทั้งที่เป็นช่วงหน้าร้อน แต่ฉันกลับขนลุกอย่างไม่น่าเชื่อ

+นี่ฉันคิดบ้าอะไรนี่!! ฉันพยายามรวบรวมสติ แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ สองตาของฉันมองเห็นแสงไฟ มีเงาตะคุ่มๆอยู่ไม่ไกล ถึงเขตบ้านพักคนงานแล้วเงาตะคุ่มนั้น หาใช่สิ่งลี้ลับไม่ หากแต่เป็น คนงาน ขนของและ ขับรถบรรทุกพวกเขาตั้งวง กินเหล้าขาว สังสรรค์กันหลังเลิกงาน เป็นประจำ แต่นี่ดึกมากแล้ว บางคนฟุบหลับไปกับโต๊ะ บางคนพูดจาเสียงยานคางฟังไม่ได้ศัพท์ ฉันสังเกตว่าใน ณ เวลานี้ มีวงเหล้า ไม่ต่ำกว่า ห้าวง

+ทุกสายตาจ้องมองฉันเหมือนเป็นตัวปะหลาด ตอนนี้ฉันตกเป็นผู้หญิงคนเดียวกลางดงผู้ชายฉกรรณ์ ดุจดั่ง เนื้อในกรงเสือ สายตาที่จ้องมองฉัน ดูจะไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก ร่างกายอันกำยำ ผิวหนังมันวาวเมื่อกระทบแสงไฟ เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง ฉันตัดสินใจ ก้มหน้า แล้วเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว ภาวนา อย่าให้เกิดอะไรร้ายๆกับตัวฉันเลย

+"จะไปไหนเหรอครับ" ฉันขนลุกเมื่อได้ยินเสียงนี้ แล้วหันไปมองเขาอย่างช้าๆ หัวใจเต้นรัว ดังราวกับฟ้าผ่า

"ผมจะไปตรงท้ายซอยพอดี ไปด้วยกันไหม" เขายิ้มอย่างเป็นมิตรใจของฉัน สับสนเป็นที่สุด คิดไตร่ตรองอย่างหนัก และจินตนาการเรื่องที่จะเกิดขึ้น

"ค่ะ!!! รบกวนด้วยนะคะ " และแล้ว ฉันก็ตัดสินใจติดรถไปกับเขา



+ฉันชวนเขาคุยระหว่างทาง เพื่อลดความตึงเครียด

"คุณเดินทางยามค่ำคืนในซอยเปลี่ยวแห่งนี้ไม่กลัวบ้างหรือคะ"

"กลัวอะไรล่ะครับ"

"อย่างเช่น โจร หรือว่า ผี " "ฉันผ่านทางนี้ เคยได้ยินมาบ้างว่า แถวนี้มี อุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย เพราะถนนหนทางไม่ดี ซ้ำยังเป็นที่มืด"

"หึๆ ตอนแรกๆก็กลัวเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะครับ ผมเดินทางมาหลายปีแล้ว ถ้าผีมีจริง ก็คงต้องเจอแล้วล่ะครับ จะว่าไปแล้วคนยังน่ากลัวกว่าผีอีกนะครับ คุณว่ามั๊ยล่ะ"

"อืม ก็จริงของคุณ เมื่อกี้ฉันกลัวมาก ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าไม่ได้คุณคงแย่แน่ ขอบคุณนะคะ "

"ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย"

"เดี๋ยวถึงทางแยกข้างหน้า จอดด้วยนะคะ ถึงบ้านฉันแล้ว"

"ครับ"

+บ้านสองชั้น แสงไฟสลัวๆ ห้อมล้อมด้วยป่าสน เขาจอดรถส่งให้ฉันลง ฉันขอบคุณเขาอีกครั้ง แล้วมองดูรถของเขาจากไปจนลับตา แสงไฟท้ายรถสีแดงค่อยๆหายไปในความมืด ถึงซะที่ ฉันเดินไปยังที่หมาย ในใจคิดถึงคำพูดของเขา คนหรือผีกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากันในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่เชื่อในเรื่องผี เขาไม่เคยเจอผี ฉันแอบหัวเราะในใจว่า นึกถึงใบหน้าคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีอย่างเขา ถ้าเจอผีแล้วจะเป็นอย่างไร ฉันเดินผ่านบ้านหลังนั้นไป มันไม่ใช่บ้านของฉัน......



+งานของผมจำเป็นต้องทำจนดึก ทุกครั้งที่กลับบ้าน ก็ต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ ผ่านซอยแห่งนี้ จนชิน มันเป็นทางลัดทางเดียวที่จะไปถึงบ้านผมได้ใกล้ที่สุดมันเป็นทางเดียวที่การพักผ่อนของผมจะมีมากขึ้น

+ในความเงียบสงัดนั้น บรรยากาศรอบข้างช่างวังเวง มืดมิด มีเพียงแสงไฟหน้ารถ และไฟจากบ้านพักคนงานเท่านั้น ลมพัดป่ากก ปลิวสไวเป็นจังหวะ กระทบต้นคอผม มันเย็นจนผมสั่นสะท้าน หากผมเป็นคนขวัญอ่อน สติสตังคงแตกกระเจิงไปแล้ว แต่ในขณะนี้ผมง่วงเกินกว่าที่จะคิดเรื่องเหล่านั้น

+คนงานในระแวกนี้น่ากลัว และไม่เป็นมิตร ผมเคยได้ยินข่าวลือมาว่า พบศพหญิงสาวพนักงานออฟฟิศ ถูกฆ่า ข่มขืน และ ชิงทรัพย์ อยู่แถวๆป่าสนท้ายซอย ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือคนงานที่นี่ แต่ก็ยากที่จะจับมือใครดม เคราะห์ยังดีที่ผมยังมีรถมอเตอร์ไซค์ อย่างน้อยก็ซิ่งหนีพวกมันทันก็แล้วกัน

+ผมเจอหญิงสาวคนหนึ่ง วันนี้เธอเลิกงานดึก บ้านเธออยู่ตรงท้ายซอย ผมจึงอาสาพาเธอไปส่งที่บ้าน เพราะผมก็ต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว อีกอย่าง การมีเพื่อนคุยระหว่างทางคงจะช่วยให้ผมหายง่วงได้บ้าง

+ระหว่างทาง เธอก็ชวนผมคุยแก้ง่วง เธอถามผมว่าเชื่อเรื่องผีไหม ผมว่ามันตลกสิ้นดี "ถ้าผีมีจริงผมคงเจอไปนานแล้ว" ผมตอบเธอย่างนั้น

+ผมส่งเธอลงที่หน้าบ้าน แล้วผมก็ขับรถออกมา ในใจครุ่นคิดว่า สถานการณ์อย่างนี้ ยังมีหลายอย่างที่น่ากลัวกว่าผีอีกหลายเท่านัก ไม่ว่าจะเป็นคนความมืด ความง่วง ตลอดจนถนนหนทางที่ง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้

+ทางข้างหน้าผมเป็นโค้งหักศอก แสงไฟหน้ารถ ทำให้ผมมองเห็นซากป้ายบอกทางที่หัก เพราะอุบัติเหตุ ธูป เทียนและของเซ่นไหว้ ที่วางอยู่ตรงพื้น ถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีกไม่กี่สิบเมตร ก็จะถึงบ้านผม แต่ตอนนี้ผมต้องขับตรงไป.......

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เขายังไม่มา_(ฉบับนิยายภาพ)

cover4

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p01 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p02

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p03-04

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p05

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p06

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p07

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p08

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

p09