วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551

มนุษย์เราเอ๋ยเกิดมาทำไม


มนุษย์เราเอ๋ยเกิดมาทำไม

นิพพานมีสุขอยู่ใยมิไป

ตัณหาหน่วงหนักหน่วงชักหน่วงไว้

ฉันไปมิได้ตัณหาผูกพัน

ห่วงนั้นพันผูกห่วงลูกห่วงหลาน

ห่วงทรัพย์ศฤงคารจงสละเสียเถิด

จะได้ไปนิพพานข้ามพ้นสามภพ

ยามหนุ่มสาวน้อยหน้าตาแช่มช้อย

งามแล้วทุกประการแก่เฒ่าหนังยาน

แต่ล้วนเครื่องเหม็นเอ็นใหญ่เก้าร้อย

เอ็นน้อยเก้าพันมันมาทำเข็ญ

ให้ร้อนให้เย็นเมื่อยขบทั้งตัว

ขนคิ้วก็ขาวนัยน์ตาก็มัว

เส้นผมบนหัวดำแล้วกลับหงอก

หน้าตาเว้าวอกดูน่าบัดสี

จะลุกก็โอยจะนั่งก็โอย

เหมือนดอกไม้โรยไม่มีเกสร

จะเข้าที่นอนพึงสอนภาวนา

พระอนิจจังพระอนัตตา

เราท่านเกิดมารังแต่จะตาย

ผู้ดีเข็ญใจก็ตายเหมือนกัน

เงินทองทั้งนั้นมิติดตัวไป

ตายไปเป็นผีลูกเมียผัวรัก

เขาชักหน้าหนีเขาเหม็นซากผี

เปื่อยเน่าพุพองหมู่ญาติพี่น้อง

เขาหามเอาไปเขาวางลงไว้

เขานั่งร้องไห้แล้วกลับคืนมา

อยู่แต่ผู้เดียวป่าไม้ชายเขียว

เหลียวไม่เห็นใครเห็นแต่ฝูงแร้ง

เห็นแต่ฝูงกาเห็นแต่ฝูงหมา

ยื้อแย่งกันกินดูน่าสมเพช

กระดูกกูเอ๋ยเรี่ยร่ายแผ่นดิน

แร้งกาหมากินเอาเป็นอาหาร

เที่ยงคืนสงัดตื่นขึ้นมินาน

ไม่เห็นลูกหลานพี่น้องเผ่าพันธุ์

เห็นแต่นกเค้าจับเจ่าเรียงกัน

เห็นแต่นกแสกร้องแรกแหกขวัญ

เห็นแต่ฝูงผีร้องไห้หากัน

มนุษย์เราเอ๋ยอย่าหลงนักเลย

ไม่มีแก่นสารอุตส่าห์ทำบุญ

ค้ำจุนเอาไว้จะได้ไปสวรรค์

จะได้ทันพระพุทธเจ้า

จะได้เข้าพระนิพพาน



อะหังวันทามิสัพพะโส อะหังวันทามินิพพานะปัจจะโยโหตุ
------------------------------
อจิรํวตยํกาโย ปฐวึอธิเสสฺสติ ฉุฑฺโฑอเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํวกลิงฺครํ...



อีกไม่นานร่างกายนี้


จักปราศจากวิญญาณ


ถูกทอดทิ้งทับถมแผ่นดิน


เหมือนท่อนไม้อันหาประโยชน์มิได้


===============================================


บทความนี้ไม่ได้แต่งเอง แต่เป็นกลอนที่ท่องตอนเข้าค่ายปรับสภาพ ที่โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย

ตอนนั้นก็ขำๆ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นว่ามันจะมีเค้าความจริงแล้ว

บางคนอาจจะบ่นว่าทำไมต้องเอาบทความที่มีอยู่แล้วมาแปะไว้? ไหนบอกจะแต่งเรื่องให้อ่าน? จะแปะทำไม? ใครจะอ่าน?

ขอให้กลับไปอ่านชื่อบล็อกอีกทีนะครับ.....


"ทำดีกันให้มากๆนะครับ ฮ๋าๆๆๆ "

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551

dreamstory

+ เด็กชายคนหนึ่ง มี "ความฝัน" เป็นเพื่อน


+ ตอนเด็กเขาชอบเล่นกับความฝันมาก เขารู้สึกว่าเวลาที่เขาอยู่กับความฝันเขาสามารถทำ อะไรได้ทุกอย่างที่ อยากจะทำ จนบางครั้งเขาก็โดนพ่อแม่ดุ ที่ไปเล่นกับความฝันมากเกินไป


+ วันหนึ่งพ่อแม่ก็ได้แนะนำเพื่อนใหม่ให้กับเขา เพื่อนใหม่คนนี้ชื่อว่า "ความจริง"


+ เด็กชายเข้ากับความจริง ได้อย่างรวดเร็ว และ ชวนไปเล่นกับความฝัน....


+ วันเวลาผ่านไปหลายปี ความจริง ก็บอกกับ เด็กชายว่า ให้เลิกคบกับความฝัน แล้ว ไปอยู่กับความจริงที่ บ้าน ของ ความจริงดีกว่า


+ เด็กชายไปปรึกษาพ่อแม่ พ่อกับแม่ก็บอกว่า "ถึงเวลาที่ลูกต้องทิ้งความฝันไปหาความจริงได้แล้วล่ะ"


+ เด็กชายยังลังเล และความจริงก็ได้บอกอีกว่า "ที่บ้านของความจริงมีของเล่น และ ขนมเยอะแยะมากมายไปหมด เท่าที่ เด็กชายต้องการ"


+ เด็กชายจึงได้ตอบตกลง เขาได้ไล่ความฝันไป และไปอยู่ที่บ้านของ ความจริง...


+ หลังจากนั้น เด็กชายก็ได้เล่นของเล่นใหม่ ทุกวัน และได้ทานขนมทุกอย่างที่เด็กชายต้องการ ในบ้านของความจริง


+ แต่เด็กชายกลับปะหลาดใจที่ ทุกครั้งที่เล่นของเล่นหรือทานขนมนั้น เขาไม่เคยสนุกกับมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว


+ เด็กชายพยายามครุ่นคิด และเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่ออยุ่กับความจริงแล้วไม่มีความสุขเมื่อเทียบกับอยุ่กับความฝัน


+ นานวันเข้า เขาก็เริ่มเบื่อที่จะเล่นของเล่นเดิมๆ และ ขนมรสเก่า และคิดถึงความฝัน มากขึ้น เด็กชายจึงไปบอกลาความจริง


+ ความ จริงบอกว่าถ้าเด็กชายจะอดทนได้หรือ หาก วันนึงไม่มีทั้งของเล่นและขนม เด็กชายเกิดความลังเล


+ ทั้งๆที่เขาอยากออกไปหาความฝัน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทิ้งที่แห่งนี้ไป เพราะเขากลัวที่จะไม่ได้เล่นของเล่นและกินขนมอีก


+ เขายอมอยู่บ้านของความจริงต่อไป เล่นของเล่น กินขนมแบบเดิมๆ เขาพยายามจะลืมความฝันให้ได้ ด้วยการเล่นและกินให้มากกว่าเดิม


+ หลายปีต่อมา เด็กชายเริ่มแก่ชรา ในที่สุดเขาก็ค้นพบว่า เขาไม่สามารถลืมความฝันได้เลย หากวันนั้นเขาตัดสินใจออกจากบ้านของความจริงเพื่อเดินตามหาความฝัน เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ เขาเป็นเพียงแค่ชายแก่ขี้แพ้ ที่ไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะออกเดินทางตามหาความฝันได้อีกแล้ว......